ทางเลือกใหม่ในการรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ที่ปลอดภัย
มะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคร้ายที่เกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัว โรคที่พุ่งขึ้นมาติดอันดับต้นๆ และทำให้คนไทยเสียชีวิตมากที่สุด
โดยจากสถิติพบผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ เพศชาย 10 คนต่อประชากรชาย 100,000 คน และเพศหญิง 7 คนต่อ 100,000 คน แต่รู้ไหมว่ามะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นโรคที่ป้องกันได้หากเรารู้สัญญาณ
การสังเกตอาการ และวิธีป้องกันตัวเอง เพราะสาเหตุของการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ นอกจากกรรมพันธุ์ พฤติกรรมการทานอาหารของคนไทยเรานี่ล่ะ คือ สาเหตุหลักของมะเร็งลำไส้ใหญ่ เราสังเกตุได้จากพฤติกรรมเหล่านี้ได้
ที่สำคัญ มะเร็งลำไส้ใหญ่ยังเป็นโรคที่จะส่งสัญญาณเตือนออกมาเป็นอาการที่เราเห็นได้ชัดในชีวิตประจำวัน หากคอยหมั่นสังเกตตัวเองสักนิด ก็จะรู้ทันและสามารถป้องกันและหยุดยั้งแต่เนิ่นๆ ได้
6 สัญญาณเตือนของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
1. ท้องผูกบ่อยจนกลายเป็นเรื่องปกติ
ผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่บางคนมีปัญหาเรื่องท้องผูกมาตั้งแต่เด็กๆ อาจเป็นเพราะพฤติกรรมการทานอาหารที่ไม่ืทานผักผลไม้ ร่างกายไม่ได้รับไฟเบอร์เพียงพอ และดื่มน้ำน้อย ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานไม่ดี แต่ในผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่บางคนอาจมีอาการท้องผูกเพราะพฤติกรรมการใช้ชีวิตในวัยทำงาน และปล่อยให้ท้องผูกเรื้อรังจนมองว่าเป็นเรื่องปกติในชีวิต พฤติกรรมนี้ล่ะคือสัญญาณหนึ่งที่บอกว่าคุณมีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ในอนาคต
2. อุจจาระลีบเป็นลำเล็ก
เนื่องจากมะเร็งลำไส้ใหญ่มักเริ่มจากการมีติ่งเนื้อขึ้นมาในลำไส้ ซึ่งอาจเป็นติ่งเนื้อธรรมดาไม่ใช่เนื้อร้าย แล้วจึงพัฒนาเป็นเซลล์มะเร็งในภายหลัง การมีติ่งเนื้อขึ้นขวางภายในลำไส้นี้จึงทำให้อุจจาระที่เคลื่อนผ่านลำไส้ใหญ่มีลักษณะถูกบีบให้เป็นลำเล็กลีบ ดังนั้นหากสังเกตได้ว่าอุจจาระมีลักษณะเล็กลีบเป็นประจำ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าคุณมีก้อนเนื้อหรือติ่งเนื้อขึ้นในลำไส้
3. มีเลือดสดหรือเลือดสีแดงเข้มมากปนมากับอุจจาระ
อาจเกิดจากอุจจาระที่แข็งเมื่อเบียดกับติ่งเนื้อที่ขึ้นผิดปกติภายในลำไส้เกิดเป็นแผลทำให้มีเลือดออกและปนออกมาในบางครั้งที่ขับถ่าย
4. มีอาการท้องเสียสลับกับท้องผูก
การอุจจาระแข็งและเหลวสลับกัน เป็นติดต่อกันแบบมีอาการเรื้อรัง ถึงแม้ว่าจะกินอาหารที่เหมาะสมไม่ได้เป็นสาเหตุให้ท้องเสียก็ยังมีอาการนี้อยู่ นี่อาจเป็นความผิดปกติที่เกิดจากภายในลำไส้
5. กินอาหารเท่าเดิมแต่น้ำหนักลดฮวบฮาบ
ลักษณะอาการคือน้ำหนักตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีพฤติกรรมการกินอาหารแบบเดิมหรือมากกว่าเดิม
6. อ่อนเพลียอ่อนแรงแบบไม่มีสาเหตุ
อาจเกิดจากการที่มีเลือดออกในลำไส้ ปนออกมากับอุจจาระ หากเสียเลือดจากการขับถ่ายมากอาจมีภาวะซีด และโลหิตจางร่วมด้วย และยิ่งทำให้เกิดอาการอ่อนเพลียอ่อนแรงต่อเนื่องมากขึ้นอีก ถึงแม้โรคมะเร็งลำไส้ จะเป็นมะเร็งร้ายที่คร่าชีวิตคนไทยเป็นอันดับสามในปัจจุบันนี้ แต่หากเราระวังในพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิต และหมั่นสังเกตตัวเองได้ทันการ จะได้รีบทำการรักษาได้ทันท่วงที โอกาสรอดชีวิตก็ยิ่งสูงขึ้น
มะเร็งลำไส้ใหญ่ มีกี่ระยะ?
อาการมะเร็งลำไส้ใหญ่แต่ละระยะเป็นอย่างไร?
ระยะที่ 0 มะเร็งยังอยู่ในเยื่อบุลำไส้
ระยะที่ 1 มะเร็งผ่านเยื่อบุลำไส้ มายังชั้นใต้เยื่อบุลำไส้ และชั้นกล้ามเนื้อ ยังไม่มีทะลุเยื่อหุ้มลำไส้ใหญ่ส่วนนอก ไม่มีการแพร่กระจายไปต่อมน้ำเหลือง
ระยะที่ 2 มะเร็งทะลุเข้ามาในชั้นกล้ามเนื้อของลำไส้และหรือทะลุถึงเยื่อหุ้มลำไส้ใหญ่ส่วนนอก ลุกลามเข้าเนื้อเยื่อหรืออวัยวะข้างเคียงแต่ไม่มีการแพร่กระจายไปที่ต่อมน้ำเหลือง
ระยะที่ 3 มะเร็งลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองข้างเคียง แต่ยังไม่ลุกลามไปอวัยวะอื่น
ระยะที่ 4 มะเร็งลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ไกลออกไป หรือลุกลามไปยังอวัยวะที่อยู่ไกลออกไป เช่น ตับ ปอด เป็นต้น
วิธีการรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่
- การรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่โดยการผ่าตัด โดยแพทย์จะตัดลำไส้ส่วนที่เป็นมะเร็งและต่อมน้ำเหลืองออกไป กรณีมะเร็งลุกลามในลำไส้ใหญ่ส่วนปลายที่ติดกับทวารหนัก การผ่าตัดอาจมีความจำเป็นต้องทำทวารเทียมเพื่อเอาปลายลำไส้ส่วนที่เหลืออยู่เปิดออกทางหน้าท้องเป็นทางให้อุจจาระออก
- วิธีรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ด้วยรังสีรักษา เป็นการรักษาร่วมกับการผ่าตัด อาจฉายรังสีก่อนหรือหลังการผ่าตัด ซึ่งขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยและข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ กรณีลุกลามมีโอกาสแพร่กระจายไปต่อมน้ำเหลือง การฉายรังสีรักษาใช้ระยะเวลาประมาณ 5-6 สัปดาห์ โดยฉายรังสีวันละ 1 ครั้ง ฉายติดต่อกัน 5 วันใน 1 สัปดาห์
- รักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ด้วยเคมีบำบัด คือการให้ยาสารเคมี ซึ่งอาจให้ก่อนการผ่าตัดหรืออาจจะหลังผ่าตัดร่วมกับการฉายรังสีรักษา โดยผู้ป่วยบางรายอาจไม่จำเป็นต้องใช้วิธีนี้ ซึ่งแพทย์จะพิจารณาจากความรุนแรงของมะเร็งแต่ละบุคคลต่างกัน
ทางเลือกในการรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ เพื่อให้เกิดผลข้างเคียงกับร่างกายน้อยที่สุด โดยใช้อาหารเข้ามาทานในการรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่
เราจะเห็นได้ว่าในการรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ในปัจจุบันเราเริ่มใช้อาหารเข้ามาใช้ในการรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่แล้ว เรียกว่า นูทราซูติคอล หรือโภชนบำบัด
การนำอาหารมาใช้รักษามะเร็งลำไส้ใหญ่โดยใช้สารสกัดเซซามินจากงาดำงานวิจัยที่ออกข่าวไปทั่วประเทศ
เรามาดูว่าเซซามิน สารสกัดงาดำ เข้าไปทำงานอย่างไรกับเซลล์มะเร็ง
คลิปนี้มีคำตอบ
อาจารย์ได้อธิบายเพิ่มเติมว่าเซลล์มะเร็ง เมื่อเริ่มแบ่งตัวขยายใหญ่ขึ้น มันจะหลั่งสารชนิดหนึ่งออกมาเพื่อกระตุ้น ให้สร้างหลอดเลือดใหม่ เพื่อดูดอาหารไปเลี้ยงก้อน มะเร็ง พร้อมกับแบ่งเซลล์ผ่านหลอดเลือดนี้ด้วยเช่นกัน เพื่อนำเซลล์มะเร็งไปกระจายไปอวัยวะอื่นๆจน มะเร็ง กระจายไปทั่วร่างกาย นี่คือกระบวนการทำงานตามปกติของมะเร็ง โรคมะเร็งจึงลุกลามอย่างรวดเร็วหากไม่มีสิ่งใดไปยับยั้งขัดขวาง ในที่สุดมันก็ฆ่าชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งได้สำเร็จ
เราได้ทดลองนำสารที่เซลล์มะเร็งผลิตขึ้น ฉีดเข้าไปในไข่ที่ฝากตัวอ่อนของเซลล์มะเร็งอายุหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งเหมือนสิ่งมีชีวิตพบว่า มีการสร้างเส้นเลือดขึ้นมามากมาย และเมื่อฉีดสารเซซามิน (Sesamin) ตามเข้าไปเราจึงพบความลับของ เซซามิน (Sesamin) สารสกัดงาดำ ที่ใช้ต่อสู้กับเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่
จากงานวิจัยของ ศ.ดร.ปรัชญา คงทวีเลิศ จากการทดสอบในห้องแลป
การทดลองของเราได้แสดงให้เห็นผลงานอันน่าทึ่งของสารเซซามิน (Sesamin) ในการรักษามะเร็ง เพราะเมื่อเราฉีดสารสกัดเซซามิน (Sesamin) จากงาดำ เข้าไปเราก็จะพบว่าความแตกต่างกันชัดเจนเลย ว่าหลอดเลือดใหม่ที่ถูกเซลล์มะเร็งกระตุ้นให้สร้างขึ้นลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ แปลว่าเซซามิน (Sesamin) เข้าไปช่วยยับยั้งการเกิดหลอดเลือดใหม่ซึ่งถูกกระตุ้นด้วยสารซึ่งหลั่งออกมาจากเซลล์มะเร็ง
เมื่อสารเซซามิน (Sesamin) ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้เซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ สร้างหลอดเลือดใหม่ผลลัพธ์ก็คือเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ไม่สามารถดูดอาหารได้จนต้องฝ่อไปเอง และถูกร่างกายกำจัดไปในที่สุด
หมอที่เก่งที่สุดในโลก คือร่างกายมนุษย์
หมอที่เก่งที่สุดในร่างกายมนุษย์ คือ ภูมิคุ้มกัน"
สรุป สารสกัดเซซามิน (Sesamin) เข้าไปทำอะไรกับเซลล์มะเร็ง
เซลล์มะเร็ง คือเซลล์ที่อยู่ในร่างกายเรา ที่มีการแบ่งตัวอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เซลล์มะเร็ง มีการกระจายตัว มันสามารถส่งสารไปกระตุ้นให้เส้นเลือดงอกเส้นเลือดมาที่ตัวก้อนมะเร็ง แล้วส่งอาหาร จากทางเส้นเลือดเพื่อไปเลี้ยงก้อน มะเร็ง จากการศึกษา ในหลอดทดลองจากห้องแลป เซซามิน (Sesamin) สารสกัดงาดำ ไปปิดกั้นการสร้างเส้นเลือดใหม่ ที่จะไปหล่อเลี้ยงเซลล์ มะเร็ง ทำให้เซลล์มะเร็งไม่ได้รับอาหาร
2. เซซามิน (Sesamin) สารสกัดงาดำ ไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้าง IL2 ( ซึ่งสาร IL2 ตัวนี้ สหรัฐอเมริกายอมรับว่าเป็นสารที่สามารถไปฆ่าเซลล์มะเร็งได้ ซึ่งสาร IL2 นี้แหละที่จะทำให้เม็ดเลือดขาวหรือภูมิคุ้มกันของเราทำงานได้ดีขึ้นและไปจัดการกับเซลล์มะเร็ง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไปกระตุ้นบนผิวเซลล์ แล้วส่งสัญญาณเข้าไปภายในเซลล์มะเร็ง มันถูกยับยั้งโดยสารเซซามิน (Sesamin) สารสกัดงาดำ เป็นการอธิบายถึงกลไกภายในเซลล์วิจัยถึงระดับโมเลกุล
3. เซซามิน (Sesamin) สารสกัดงาดำ ยังไปทำให้เซลล์มะเร็งตาย เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายถูกโปรแกรมมาให้เกิดขึ้นและ มีอายุ แล้วก็จะตายไป ยกเว้นเซลล์มะเร็ง ที่มันสามารถ มีอายุและเจริญเติบโตขยายตัวได้โดยไม่มีการตายหรือไม่เข้าสู่ Program Cell Death เซซามิน (Sesamin) สารสกัดงาดำ สามารถไปแก้โปรแกรมให้เซลล์มะเร็ง เข้าสู่ Program Cell Death หรือเซลล์มะเร็งเข้าสู่ภาวะฆ่าตัวตาย